วิธีจัดการกับความกลัว

เคยรู้สึกแปลกๆบ้างมั้ยครับ

เวลาที่เรามีความคิดที่จะทำอะไรซักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง
มักจะมีเสียงที่ดังขึ้นภายในจิตใจของเรา
มันทำให้เราลังเล ทำให้เราหวาดระแวง และทำให้เราไม่กล้าเริ่มต้น
แล้วมันคือเสียงอะไรล่ะ?

มันคือเสียงของความกลัวไงครับ

เสียงของความกลัวจะคอยบอกเราเสมอว่า เอ็งทำไม่ได้หรอก
ถ้าเปรียบความสำเร็จเป็นยอดภูเขาล่ะก็
ความกลัวก็เปรียบได้กับหมอกร้ายที่คอยกีดขวางทางของเราไม่ให้เราเดินต่อ บนเส้นทางสู่ความสำเร็จ
แถมมันเป็นหมอกที่เราเป็นคนสร้างเองซะด้วย!

หลายครั้งที่เจ้าหมอกร้ายที่มีชื่อว่า "ความกลัว" นี้เองกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เราไม่สามารถเดินต่อได้
ทั้งที่สิ่งที่เรากำลังจะทำอาจจะมีคุณค่าต่อเราอย่างมหาศาล และอาจทำให้เราประสบความสำเร็จเลยก็ได้

คำถามก็คือ แล้วจะจัดการกับมันอย่างไรดีล่ะ?

ในหนังสือเรื่อง <<4 hour work week>> ที่เขียนโดย Tim Ferris ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้เหมือนกันครับ
Tim Ferris เองครั้งหนึ่งธุรกิจของเขาเคยมีปัญหา เกือบจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่อยู่แล้ว
ตัวเขาคิดถึง "ผลลัพธ์" ซึ่งเป็นสิ่งต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเขาหลังจากบริษัทของเขาเจ๊ง
ไม่ว่าจะเป็น บัญชีธนาคารถูกอายัด หรือเขาถูกบ้วนน้ำลายใส่หน้าขณะที่กำลังแบ่งอาหารให้หมาจรจัด แถมไอ้หมาบ้าพวกนั้นก็กัดเขาเข้าที่หน้าอีกต่างหาก

หลังจากนั้นเขาก็ตั้งคำถามว่า "แล้วผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเราเจ๊งชีวิตเราจะเป็นอย่างไร"

แล้วก็เหมือนกับปัญหาต่างๆก็ถูกคลี่คลายไปอย่างน่าอัศจรรย์เลยครับ

เขาบอกว่า อย่างน้อยผมก็ไปเป็นบาร์เทนเดอร์ ขายเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ทิ้ง หรือแอบจิ๊กเงินค่าขนมของพวกเด็กอนุบาลก็ได้!

เพราะเขาหาทางออกให้ความกลัวได้แล้ว เขาจึงหายกลัวครับ

สุดท้ายเขาพลิกสถานการณ์ธุรกิจของเขาให้กลับมาทำเงินได้ แล้วขายธุรกิจออกไปในราคาหลายร้อยล้านบาท

ในหนังสือ ตัว Tim Ferris เองก็ได้ระบุวิธีการเอาชนะความกลัวแบบเห็นภาพได้ชัดๆ มาเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1.ระบุความกลัวออกมา (อาจจะด้วยวิธีเขียนหรือคิดก็ได้ แต่ใช้การเขียนก็ได้ครับเพราะผมคิดว่ามันทำให้เห็นภาพชัดมากกว่า)
2. หาวิธีการแก้ปัญหา
3. ผลลัพธ์เมื่อคุณจะได้ถ้าคุณทำในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่สำเร็จ (เช่น การมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น หรือการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ฯลฯ)
4. จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันล้มเหลว (คุณจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือเปล่าครับ ถ้าได้ก็ทำเลย)
5. อะไรคือสิ่งที่คุณกลัวที่จะทำมากที่สุด (ส่วนมากจะเป็นสิ่งที่เราต้องทำมากที่สุด)
6. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่ได้ทำ (บางทีในอีก 50 ปี ข้างหน้าคุณอาจจะกลายเป็นตาแก่หรือยายแก่หงำเหงือกที่นอนอยู่บนเตียงและพูดกับหลานว่า "ถ้า ตา/ยาย ย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็..." ซ้ำไปซ้ำมาก็ได้)
7. คุณรออะไรอยู่ (หลายคนที่เริ่มทำอะไรซักอย่างมักจะ "รอ" ครับ ไม่ว่าจะรอให้พร้อม รอให้มีเงิน รอให้แข็งแรง แต่ในชีวิตของเราคำว่า "พร้อม" ไม่เคยเกิดขึ้นครับ)

ในหนังสือเรื่อง <<Start.>> ที่เขียนโดย Jon Acuff ก็พูดถึงการเอาชนะความกลัวคล้ายๆของ Tim Ferris เลยครับ (อ่านถึงตอนนี้ผมอนุญาติให้คุณผู้อ่านพักสายตาก่อนก็ได้ครับเพื่อที่จะได้ย่อยข้อความก่อนๆ)

(ต่อเลยนะครับ)
Jon Acuff ได้บอกวิธีที่เราจะเอาชนะ ความกลัวหรือ "เสียง" ที่ดังขึ้นภายในจิตใจเราไว้เป็นข้อๆ ดังนี้ครับ
1. List ความกลัวออกมาเป็นข้อๆ (โดยการเขียน... list "ทุกอย่าง" ที่คุณคิดได้เลยนะครับ)
2. คิดวิธีการที่จะจัดการความกลัวนั้นๆ เช่น สมมติคุณจะออกกำลังกาย แล้ว "เสียง" ในหัวของคุณก็ดังขึ้นมาว่า นายไม่มีวันทำได้หรอก คุณก็ต้องหาอะไรมาหักล้างกับความกลัวนั้นให้ได้ อย่างเช่น "ทำไมล่ะก็ฉันเป็นคนเหมือนกับคนอื่นนี้ คนอื่นผอมได้ฉันก็ผอมได้"
"แต่ค่าออกกำลังกาย ค่ารองเท้า ค่าเข้ายิม มันแพงมากเลยนะ" ความกลัวพูดอีก
"ไม่เป็นไร ฉันยังมีรองเท้าเก่าๆเก็บไว้อยู่ อีกอย่างตอนนี้ยังไม่ต้องเข้ายิมก็ได้ แค่วิ่งรอบบ้านก็พอ"
"แต่จะออกกำลัง ต้องเสียเวลานะ ปกติทำงานอยู่ก็แทบไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว" ความกลัวดังขึ้นอีก
"ออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 15 นาทีก็ได้ เอาให้เหงื่อพออก"
"แต่ว่า..."
"จะอะไรนักหนา -ึงหุบปากไปเลยอี-ัส"
เอาให้ความกลัวมันขยาดคุณไปเลยครับ
3. แบ่งปันความกลัวนั้นกับคนอื่น เวลาที่เราจะเริ่มทำอะไรซักอย่าง เช่น อยากเริ่มขายของออนไลน์(แต่กลัวขายไม่ออก) อยากเข้ายิม (แต่กลัวคนเยอะๆ) อยากเขียนบล็อก (แต่กลัวว่าจะมีคนไม่ชอบสิ่งที่คุณเขียน) ความกลัวก็มักจะดังออกมาจากจิตใจเราตลอดเวล และประเด็นก็คือ เราไม่มีที่ที่สามารถระบายมันออกมาได้
จะไปพูดกับคนรู้จักที่เขาไม่ได้กลัวเหมือนเราก็ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่ได้ "อิน" อะไรกับเรามากกมายนัก เราก็ได้แต่พูดระบายออกไปแต่ความกลัวก็ยังคงอยู่อยู่ดี
ดังนั้นตัวเราก็ต้องพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีคนคล้ายๆกับเราเยอะๆครับ
แล้วเดี๋ยวคุณจะเข้าใจเองครับว่า คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่กลัว ยังมีหลายๆคนมากที่มีความกลัวคล้ายกับคุณ และคุณจะรู้สึกว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยว

โดยที่สิ่งที่ทั้ง Tim Ferris กับ Jon Acuff อยากบอกก็คือเราต้องเผชิญหน้ากับความกลัวอย่างตรงไปตรงมา อย่ากลัวมัน แต่ก็อย่าสู้กับมันแบบโง่ๆ จงแบ่งปันมันกับคนที่มีความกลัวคล้ายกัน แล้วความกลัวนั้นก็จะถูกบรรเทาลงครับ

สุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกคน เอาชนะความกลัวแล้วเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองได้สำเร็จนะครับ

ขอบคุณ.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กฏ 5 วินาที เพื่อให้เราเริ่มทำสิ่งต่างๆ

💓ไม่มีใครเกิดมาคู่กัน💓

คุณคือ 1 ใน 400,000,000,000