PROMSUK

เคยรู้สึกแปลกๆบ้างมั้ยครับ เวลาที่เรามีความคิดที่จะทำอะไรซักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง มักจะมี เสียง ที่ดังขึ้นภายในจิตใจของเรา มันทำให้เราลังเล ทำให้เราหวาดระแวง และทำให้เราไม่กล้าเริ่มต้น แล้วมันคือเสียงอะไรล่ะ? มันคือเสียงของ ความกลัว ไงครับ เสียงของความกลัวจะคอยบอกเราเสมอว่า เอ็งทำไม่ได้หรอก ถ้าเปรียบความสำเร็จเป็นยอดภูเขาล่ะก็ ความกลัวก็เปรียบได้กับหมอกร้ายที่คอยกีดขวางทางของเราไม่ให้เราเดินต่อ บนเส้นทางสู่ความสำเร็จ แถมมันเป็นหมอกที่เราเป็นคนสร้างเองซะด้วย! หลายครั้งที่เจ้าหมอกร้าย ที่มีชื่อว่า "ความกลัว" นี้เองกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เราไม่สามารถเดินต่อได้ ทั้งที่สิ่งที่เรากำลังจะทำอาจจะ มีคุณค่าต่อเราอย่างมหาศาล และอาจทำให้เราประสบความสำเร็จเลยก็ได้ คำถามก็คือ แล้วจะจัดการกับมันอย่างไรดีล่ะ? ในหนังสือเรื่อง <<4 hour work week>> ที่เขียนโดย Tim Ferris ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้เหมือนกันครับ Tim Ferris เองครั้งหนึ่งธุรกิจของเขาเคยมีปัญหา เกือบจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่อยู่แล้ว ตัวเขาคิดถึง "ผลลัพธ์" ซึ่งเป็นสิ่งต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกั

              ละครหลายเรื่อง ภาพยนจร์หลายตอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ กว่า 90% พระเอกกับนางเอกมักจะสมหวัง ในความรัก ได้คู่กันอย่างมีความสุข              หลายๆคนจึงอยากที่จะมีชีวิตเ หมือนกับในละคร  ได้เจอคนที่รัก สมหวังในตอนสุดท้าย และครองรักกันไปจนตาย  แต่สิ่งที่ละครหรือภาพยนต์เหล่านี้ ไม่เคยพูดถึง               คือ ชีวิตหลังการครองคู่ ของพ ระเอกและนางเอก              ภายในละคร การสมหวังในความรักของคู่พร ะนางหมายถึงตอนจบของละคร แต่ในชีวิตจริงมันคือการเริ่มต้นชีวิตบทใหม่              เราเคยได้ยินข่าวหลายข่าว ที่สามีฆ่าภรรยา หรือภรรยาฆ่าสามี หรือการหย่าร้างที่เต็มไปด้ วยความอาฆาตแค้น เกิดการทำร้ายร่างกายกัน หลายประเทศมีปัญหาเรื่องควา มรุนแรงในครอบครัว ทำไมถึงเป็นเช่นนี้             ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวดูจะรักกันมาก  ทั้งคู่ต่างสาบานว่าจะรักกั นชั่วนิรันทร์             แต่ทำไม เมื่อมาถึงวันที่ต้องแยกจาก การ คู่สามีภรรยา จะเต็มไปด้วยความผิดหวัง การกล่าวโทษ และความโกรธเคือง             นั้นก็เพราะคู่รักหลายคู่เช ื่อว่า “ ถ้ารักกันแล้วก็ไม่จำเป็นต ้องพยายาม ” ซึ่ง ความคิดแบบนี้น

กฏ 5 วินาที เคยอยาก ทำอะไรแล้วไม่ได้ทำไหมครับ อยากไปยิมเพื่อออกกำลังกาย แต่วันนี้ฝนตกไม่ไปดีกว่า อยากทำอาหารเอง แต่ไม่มีเวลา ไปซื้อข้างนอกดีกว่า อยากอ่านหนังสือสักเล่ม แต่ทำงานมาเหนื่อย นอนดีกว่า เหตุผลร้อยแปดพันเก้านี้เองที่คอยเบรคหรือหยุดเราไม่ให้เราทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ หรือไอเดียที่ตัวเองอยากทำ ซึ่งมันอาจเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเราเองหรือชีวิตของคนรอบข้างได้ ย้อนกลับไปในงาน TED TALK ปี 2011 Mel Robbin ได้พูดถึงสิ่งที่หยุดเราไม่ให้เราทำสิ่งต่างๆได้ว่า Emergency brake โดยตัวเธอได้แบ่งสมองออกเป้นสองส่วน ส่วนแรกคือส่วนของ Autopilot เป็นสมองส่วนที่ข่วยให้เราทำสิ่งต่างๆที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเราได้ พูดง่ายๆก็คือ การทำเป็นกิจวัตรนั้นเอง ส่วนอีกส่วนเรียกว่า Emergency brake จะเป็นสมอง ที่คอยเบรค เราไม่ให้เราทำสิ่งที่ต่างไปจากวิถีชีวิตธรรมดาของตัวเอง เช่น อยากทักคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างเราในร้านอาหาร อยากบอกรักคนที่เราแอบชอบ หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง แต่สมองส่วนเบรคฉุกเฉินนี้เองที่จะหยุดเราไว้ในรูปแบบของข้ออ้างต่างๆนาๆ (เวรจริงๆ) Mel Rob

🌍 คุณคือ 1 ใน 400,000,000,000 🌍                ถ้าจะ บอกว่าชีวิตของคนเราคือปาฏิหาร์ย  ก็คงจะไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก              Mel Robbins นักพูดสร้างแรงบัลดาลใจชาวอเมริกาพูดไว้ในงาน TED TALK ตอนปี ค.ศ. 2011 ว่า กว่าที่ตัวเราจะเป็นเรานั้นยากขนาดไหน นับเป็นโอกาส 1 ใน 400,000,000,000               นอกจากนี้ Dr. Ali Binazir นักพูดและนักเขียนที่ได้ไปฟัง Mel Robbins พูดในวันนั้นยังได้นำจำนวนดังกล่าวไปคำนวณต่อ และเขาก็พบว่า การที่พ่อแม่ของคุณจะได้เจอกัน ท่ามกลางคนหลายล้านคนบนโลก และการที่พ่อแม่ของคุณจะสานสัม พันธ์กันต่อ จนแต่งงานกันและมีลูกซึ่งก็คือตัวคุณ เมื่อคำนวณเป็นตัวเลขทางวิทยาศาสตร์แล้วได้จำนวนเท่าไหร่ลองทายดูสิครับ              ตัวเลขนั้นมีค่าเท่ากับ 0              ชีวิตคือปาฏิหารย์จริงๆใช่มั้ยครับ              เราทุกคนที่อยู่บนโลก ที่กำลังดำรงอยู่ในตอนนี้ ต่างเป็นปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้น              แต่น่าแปลกที่มีคนที่ทั้งประสบความสำเร็จ และคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ              Mel Robbin พูดไว้ว่าเราทุกคนต่างมีความคิด มีไอเดีย ที่จะทำอะไรสักอย่าง ซึ่งมันอาจจะเปลี่ยนแปล